ประกันอย่างไรไม่ให้โดนหลอก
กฎเหล็กในการทำประกันให้ปลอดภัย
1.ต้องเริ่มจากการเลือกบริษัทประกัน ที่มีฐานะการเงินมั่งคงก่อนครับ เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ประสบการณ์ในอดีตที่มีมากมาย เบี้ยประกันถูกมาก เอากลยุทธ์ทางการตลาดเข้ามาใช้ ต้องการดึงเบี้ยเข้าบริษัทก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงเพราะนำเบี้ยประกันที่ได้ไปใช้นอกระบบ จนไม่มีปัญญาจ่ายค่าสินไหมให้ลูกค้า ทำให้กรมธรรม์กลายสภาพเป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษที่ไม่มีค่าอะไร
2.ต้องมีนายหน้า หรือตัวแทนที่เชื่อถือได้ ผมอยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 10 ปี ผมรู้สึกว่าระยะหลังนี้ มีบริษัทนายหน้าประกันภัยเกิดขึ้นใหม่มากมาย โดยส่วนใหญ่ก็จะเน้นยอดขายเป็นหลัก ใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะให้ลูกค้าโอนเงินให้ตน โดยอ้างว่าโทรมาจากบริษัทประกันบ้าง ให้โอนเงินให้ก่อน 3 เดือนก่อนกรมธรรม์จะมีผล โดยบอกว่าเป็นเบี้ยราคาพิเศษ ผมอยากจะบอกว่าโกหกทั้งนั้น ทั้งหมดนี้ทำเพราะต้องการให้ลูกค้าโอนเงินให้ก่อนเพื่อจะได้แน่ใจว่าลูกค้าจะทำกับบริษัทเขาแน่นอน แต่ลองมีข้อผิดพลาดขึ้นมาเถอะโอกาสจะขอเงินคืนยากมาก บอกตามตรงว่าผมไม่ชอบวิธีการเช่นนี้เอาซะเลย มันทำให้อาชีพที่เลี้ยงดูผมมาถูกมองในด้านลบและสังคมไม่ให้เกียรติเท่าที่ควร ผมว่าควรจะแข่งกันที่การให้บริการให้ความรู้ที่ถูกต้อง มากกว่าครับ เพราะมันคือจรรยาบรรณของวิชาชีพ และจะทำให้ระยะยาวมีการพัฒนาธุรกิจประกันทั้งระบบ
3.เลือกตัวผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการและการใช้งานครับ ผมว่าลูกค้าแต่ละรายย่อมมีความต้องการและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ผมว่าการที่เราตอบตัวเองได้ว่าเราต้องการบริการแบบใดขอบเขตเท่าใด ย่อมทำให้เราเลือกซื้อแบบของการประกันได้ตรงจุดที่สุด เช่นลูกค้าผมรายหนึ่งมีรถยนต์ 2 คัน คันแรกเป็นรถฮอนด้า ซีวิคครับ ลูกค้าผมเป็นคนขับเอง อายุก็ประมาณ 50 นิดๆ วันๆ ไม่ค่อยไปไหนครับ ไปกลับบ้านที่พระราม 2 กับประตูน้ำ ส่วนอีกคันเป็นรถเบนซ์ CLK 240 ครับ ด้วยความที่รักลูกมากคันนี้จึงให้ลูกชายขับ อายุประมาณ 20 ครับ วัยรุ่นสุดๆ ชอบความเร็ว ชอบเที่ยวกลางคืน ทายซิครับว่ารถ 2 คันนี้ควรประกันแบบใด คันฮอนด้า ผมบอกว่าเฮียขับเอง ไม่ค่อยชนเฮียจะประกัน 3 พลัสก็ได้ แต่ข้อเสียก็คือ สามารถเคลมได้แค่กรณีรถชนรถและต้องมีคู่กรณีเท่านั้นนะครับ เบี้ยประกันก็ไม่เกิน 7,000 บาทครับ ส่วนคันเบนซ์ เนื่องจากผมก็พอรู้จักนิสัยใจคอลูกแกระดับหนึ่ง ก็เลยบอกแกว่าทำเป็นประเภท 1 ดีที่สุด พร้อมกับย้ำไปว่าควรจะเป็นบริษัทประกันดีๆ ด้วย พอบอกเบี้ยไปแกก็อึ้งครับ เพราะเบี้ยอยู่ประมาณเกือบ 80,000 บาท เฮียแกก็โอเคครับ ตามประสาคนไว้ใจกัน ปรากฎว่าคันเบนซ์ทำมา 3 ปีมีเคลมทุกปีครับเบี้ยก็ปรับลงมากบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เคลม บางปีเคลมไปก็ไม่คุ้มเท่าค่าเบี้ยหรอกครับ แต่สบายใจกว่าเพราะบางทีมีคู่กรณี มีคนเจ็บ ต้องไปสถานีตำรวจ ทางประกันเขาก็จัดการให้ ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากเสียเวลา แต่ที่เด็ดสุดก็คือ ล่าสุดรถคันนี้ไปคว่ำบนทางด่วนโทลเวย์ มาครับ เพราะน้องแกเล่นเหยียบไปความเร็ว 200 กม/ชม ในขณะที่ฝนตกปรอยๆ ผลเป็นอย่างไรหรือครับ ประกันตีค่าซ่อมมาทั้งหมดประมาณ 1,800,000 บาทครับ ก็เลยจบลงที่การคืนซาก อาเฮียลูกค้าผมเสียรถเบนซ์ไปหนึ่งคันแลกกับเงิน 2,000,000 บาท จากการคืนทุนรถคันนี้ แต่โชคดีที่สุดคือ ลูกชายแกบาดเจ็บเพียงแล็กน้อยครับ ก็อย่างว่าละครับรถมันดีจริงๆ
|
