กรณีศึกษา
11. จะเคลมสีรถยนต์ รอบคัน ทำไมต้องเสียส่วนร่วม ( ตอนที่ 1 )
[5 กันยายน 2554 22:41 น.]จำนวนผู้เข้าชม 6149 คน
 
ทำไมต้องเสียส่วนร่วม ก็คนจะเคลมสีรถยนต์ ( ตอนที่ 1 )

           คุณเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ “ส่วนร่วม” บางคนอาจไม่เคยได้ยิน ในขณะที่บางคนอาจเคยได้ยินครั้งแรกเมื่อคุณเอารถคุณไปเคลมกับบริษัทประกันเพื่อทำสี ใช่ครับผมกำลังจะพูดถึงส่วนร่วมที่เกิดจากการเคลมรถกับบริษัทประกันภัย ส่วนร่วมในที่นี้มีมาจากหลายสาเหตุครับ แต่วันนี้ผมจะเจาะเฉพาะ ส่วนร่วมที่เกิดจากการทำสีรถ

          คุณเคยคิดไหมว่าทำไมทำสีรอบคันต้องเสียส่วนร่วม หรือแม้กระทั่งไม่ได้ทำสีรอบคัน บางทีก็ยังต้องเสีย “ บ้าหรือเปล่า บริษัทประกันจะเอาอะไรกันนักหนา เก็บส่วนร่วมดีนักเดี๋ยวชนให้เยินจะได้ไม่ต้องเสีย” ผมว่าคนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดเช่นนี้ หลังจากที่ฟังพนักงานเคลมพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เห็นรู้เรื่อง … แอะ แอะ … หรือว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นคุณ

          เอาเป็นว่าวันนี้ ผมจะลองฉายภาพให้คุณได้รู้ เผื่อจะเข้าใจสิ่งที่พนักงานเคลมพยายามอธิบายบ้าง เพราะบ่อยครั้งที่ผมเห็นพนักงานเคลมต้องหน้าเศร้า เพราะถูกลูกค้าต่อว่า เอาเถอะครับ พนักงานเคลมเขาก็กินเงินเดือนก็ต้องทำหน้าที่ เรามาหาจุดลงตัวกันทั้งสองฝ่ายดีกว่า

          เดิมทีเดียวเนี่ยไอ้ส่วนร่วมที่เกิดจากเคลมเมื่อทำสีรถ จะเกิดอยู่กรณีเดียวคือการเคลมสีรอบคัน พูดง่ายๆ ก้อคือ อยากทำสีใหม่ทั้งคันนั้นแหละครับ บางตำแหน่งก็อาจมีแผลจริง บางตำแหน่งก็อาจไม่มีแผล ( ตำแหน่งของผมเนี่ย หมายถึงตำแหน่งของตัวรถครับ เช่น ฝากระโปรงหน้า ประตูหน้าซ้าย บังโคลนหลังขวา …. ซึ่งถ้านับกันรอบคันก็จะอยู่ประมาณ 15 ตำแหน่ง ครับ )

          ไอ้ตำแหน่งที่มีแผลจริงๆ ประกันเขาก็ไม่ซีเรียสหรอกครับ แต่ตำแหน่งที่ไม่มีแผลนี่แหละคือที่มาของส่วนร่วม คือลูกค้าอยากทำสีรอบคัน แต่พนักงานเคลมเขาดูแล้ว ก็เห็นว่า กันชนหลัง ประตูหน้าซ้าย บังโคลนหน้าขวา ( ยกตัวอย่างนะครับ ) มองยังไงก็ไม่มีแผล ก็คือรู้แหละครับว่าลูกค้าอยากทำสีรถใหม่ แหมทำสีทั้งทีเขาก็อยากทำมันให้หมด ก็อเค้ากลัวสีจะไม่เหมือนกันทั้งคันนิ

          ก็ถือว่าพนักงานเคลมงานเข้าแล้วกัน เพราะจะบอกลูกค้าว่าเคลมไม่ได้เพราะไม่มีแผล เดี๋ยวลูกค้าก็บอกว่า “งั้นน้องรอแป็บนึง” เสร็จแล้วก็สตาร์ทรถ ถอยหลังไปชน กำแพง เสร็จแล้วก็ลงมาบอกว่า “ตอนนี้มีแผลแล้วน้อง พี่เคลมได้รึยัง” จัดให้ซะชุดใหญ่ นี่เรื่องจริงนะครับไม่ใช่ผมพูดเล่น พนักงานเคลมเขาก็โดนกันมาเยอะ

          สุดท้ายเขาก็รู้ครับว่ายังไงก็ต้องให้ลูกค้าเคลมตำแหน่งนั้น แต่รู้ไหมครับว่าการทำสีตำแหน่งหนึ่งเนี่ยเป็นเงินประมาณเท่าไหร่ เอาเป็นว่าฝากระโปรงหน้าแล้วกัน ถ้าเป็นอู่ดีๆ ก็ตกอยู่ชิ้นละประมาณ 2,500 – 4,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร แต่ถ้าเข้าศูนย์ ถ้าเป็นศูนย์เบนซ์ ชิ้นนึงก็ไม่ต่ำกว่า 6,000.00 บาท ถ้าเป็นศูนย์โตโยต้า ก็อาจอยู่ที่ประมาณ 4,000.00 บาท

          นี่แหละครับคือเหตุผลที่บริษัทประกันเขาต้องคิดส่วนร่วมสำหรับ ตำแหน่งที่ต้องการทำสีแต่ไม่มีแผล ไม่อย่างงั้นระบบประกันอยู่ไม่ได้ครับ รับรองว่าจ่ายค่าสินไหมเคลมเยอะกว่าเบี้ยประกันที่เก็บมาได้แน่นอน ( นี่เราเห็นแค่ค่าทำสีนะครับ แต่บริษัทประกันยังต้องจ่ายกรณีมีคนเจ็บ คนเสียชีวิตอีก )

          หลังๆ มาลูกค้ารู้ครับว่า ถ้าไม่มีแผลแล้วไปเคลมจะต้องเสียส่วนร่วม ก่อนเคลมก็เลยจัดให้ครับ ใช้ก้อนหินบ้าง เหรียญบาทบ้าง กรีดเลยความยาวก็เอาตามใจชอบ โอ้โฮ คนเรานี่ … คิดได้นะเนี่ย มันก็เลยเป็นที่มาของส่วนร่วมอีกประเภทหนึ่ง คือ กรณีที่มีแผล โดยไม่ได้เกิดจากการชน และไม่มีสามารถบอกได้ว่าคู่กรณีเป็นใคร …. เอาดิครับ ลูกค้าคิดได้ บริษัทประกันก็ต้องหาทางแก้ …..

          แต่เมื่อ กรมการประกันภัย ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงพาณิชย์ เปลี่ยนมาเป็น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ชื่อยาวเนอะ จำง่ายๆ ว่า คปภ. แล้วกัน ซึ่งถูกโอนย้ายมาอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังแทน

          พอดีช่วงนั้น บริษัทประกันภัยถูกปิด ไปเยอะมาก ลูกค้าได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง กระทรวงการคลัง เขาก็ห่วงเรื่องความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย ก็เลยให้ คปภ เขาไปดู รายละเอียดของธุรกิจประกันภัย ก็ได้ความว่าตัวเลขความเสียหายทั้งระบบโดยรวมที่เกิดจากการเคลมสีรถเนี่ย มันสูงเกินความเหมาะสม เท่านั้นแหละครับ ก็เลยเกิดกฎเกณฑ์ใหม่ขึ้นมาอีก เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2552 ที่ผ่านมานี่แหละครับ

          ก็คือ ในกรมธรรม์ประกันภัยประเภทหนึ่งเนี่ย เขามีเงื่อนไขเพิ่มเติมขึ้นมาว่า ผู้ประกัน หรือคุณลูกค้า นี่แหละครับ จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายส่วนแรกจำนวน 1,000 บาท สำหรับความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ หรือ ที่เกิดจากการชนแต่ผู้เอาประกันไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้

          ก็เลยเหมาทั้งเข่งเลยครับ ตอนนี้ เป็นรอยถูกสะเก็ดหินมา, โดนกิ่งไม้, รอยหมาตะกุยรถ เสียหมดเหตุการณ์ละ 1,000 บาทครับ หรืออาจจะเบียดกับรถคันอื่นมา มีสีติด แต่ไม่รู้ว่าเบียดกับใครมา ก็เสียครับ …. โฮ เหมือนถึงคราวบริษัทประกันเอาคืนเลยนะครับ ……

          แต่ในทางปฎิบัติ ไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าพนักงานเคลมเคร่งครัดกันทุกเม็ดอย่างนั้นจริง ไม่ต้องรอถึงคุณลูกค้า หรอกครับ ผมจะด่าให้ชุดใหญ่ก่อนเลยครับ จริงๆ ก็เคยมีประสบการณ์นะครับ พนักงานเคลมบางคนมันจะเก็บท่าเดียว โดยไม่ดูว่าลูกค้ามีเจตนารึเปล่า อย่างนี้ก็ต้องจัดให้ครับ ต้องเอาให้อยู่ เดี๋ยวเขาไปทำกับลูกค้าคนอื่นอีก เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ

          จริงๆ แล้ว เรื่องทุกเรื่อง มันมีเหตุและผลรองรับนะครับ การคิดส่วนร่วมของบริษัทประกันก็เหมือนกัน มันมี วิธีคิดอยู่ การเคลมรอบคันเนี่ย เชื่อไหมครับว่าบางคันจ่ายเป็นหมื่น ในขณะที่บางคันไม่ต้องจ่ายซักบาท เอาไว้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง แต่เดี๋ยวคราวหน้าค่อยมาอธิบายต่อนะครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง : 
http://www.kstronginsure.com/read/13305
 
กรณีศึกษา
- 18.ประกันตกแต่งห้อง ตกแต่งคอนโด ประกันระหว่างก่อสร้าง ทำเพราะทางอาคารบังคับให้ทำ เหตุผลแค่นี้จริงหรือ ? ( ตอนจบ ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 17.ประกันตกแต่งห้อง ประกันระหว่างก่อสร้าง ทำเพราะทางอาคารบังคับให้ทำ เหตุผลแค่นี้จริงหรือ ? ( ตอนที่ 2 ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 16.ประกันระหว่างตกแต่งร้านค้า ปรับปรุงคอนโด ประกันระหว่างก่อสร้าง ทำเพราะทางอาคารบังคับให้ทำ เหตุผลแค่นี้จริงหรือ ? ( ตอนที่ 1 ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 1. ขับรถชนมีคนเจ็บ ( ตอนที่ 1 ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 2. ขับรถชนมีคนเจ็บ ( ตอนที่ 2 ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 3. ขับรถชนมีคนเจ็บ ( ตอนที่ 3 ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 4. ขับรถชนมีคนเจ็บ ( ตอนที่ 4 ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 5. ขับรถชนมีคนเจ็บ ( ตอนที่ 5 ) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 6. ขับรถประมาทจนทำให้มีคนตาย ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาทั้งๆ ที่ไม่ผิด ( ตอนที่ 1) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
- 7. ขับรถประมาทจนทำให้มีคนตาย ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาทั้งๆ ที่ไม่ผิด ( ตอนที่ 2) [5 กันยายน 2554 22:41 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright © 2011 All rights reserved. by puremindinsurance.com
Engine by MAKEWEBEASY